ทัศนคติในการเข้าใจพนักงานอย่างจริงใจจะช่วยสร้างความเป็นอันหนึ่งเดียวกันที่เข้มแข็งขององค์กร

SUNNY SYSTEM LTD.

カテゴリ
ทัศนคติในการเข้าใจพนักงานอย่างจริงใจจะช่วยสร้างความเป็นอันหนึ่งเดียวกันที่เข้มแข็งขององค์กร

สิ่งที่สำคัญคือการเข้าใจซึ่งกันและกัน

คุณโอฮินาตะมีความรู้สึกในหน้าที่อย่างแรงกล้า คุณโอฮินาตะซึ่งเป็นผู้จัดการของบริษัท SUNNY SYSTEM มาที่ประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคมในปี 1999 จนถึงตอนนั้นเขาได้ขัดเกลาฝีมือในฐานะที่เป็นวิศวกรระบบของบริษัทระบบที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคคันไซ ด้วยใจมุ่งมั่นที่ “อยากทำงานในต่างประเทศ” จึงลาออกจากบริษัทและเดินทางมาที่ประเทศไทยคนเดียว เขาได้เข้าทำงานที่บริษัทระบบของญี่ปุ่นในประเทศไทย แต่ทำงานได้ 1 ปีก็ลาออกเพราะ “อยากก้าวขึ้นไปอีกขั้น” ด้วยความที่หารือกับทางบริษัทเก่าว่า “อยากจะเปิดบริษัทในไทย” และได้รับการตอบรับแล้ว จึงเข้าทำงานและเริ่มต้นงานที่สาขาในไทยในฐานะพนักงานประจำอีกครั้ง ในปี 1999 ที่คุณโอฮินาตะเดินทางมาที่ประเทศไทยเป็นปีที่รถไฟฟ้า BTS เปิดให้บริการพอดี นับแต่ช่วงเวลานั้นเป็นต้นมามีบริษัทระบบเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่มีความเป็นมาตรฐาน คุณโอฮินาตะคิดว่า “มีสิ่งที่ควรทำหลายอย่าง” เขาจึงขยันทำงานหนักจนดึกดื่นทุกวัน

คุณโอฮินาตะกล่าวว่า “ตอนนั้นผมยังเด็กและทะนงตนอยู่ คิดมุ่งมั่นว่าอยากจะสอนอย่างพวกเรื่องเทคโนโลยี IT และวิธีการทำงานที่ได้จากประสบการณ์ในญี่ปุ่นมา” บังคับให้พนักงานชาวไทยทำตามวิธีที่ญี่ปุ่นทำทั้งอย่างนั้น แล้วก็พบว่าเกิดความไม่เข้าใจกันทำให้ลำบาก โดยเฉพาะในบางครั้งที่ถูกพนักงานชาวไทยจ้องมองอย่างแรง ในครั้งหนึ่งพนักงานคนนั้นพูดเช่นนี้ “กับครอบครัวผมก็ยังไม่เคยโกรธแบบนี้เลย ผมไม่อยากให้ใช้วิธีพูดแบบนั้นนะครับ” แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกขอบคุณที่ตอนนั้นเขาได้พูดความรู้สึกของตัวเองออกมาตรงๆ คุณโอฮินาตะกล่าว รับรู้ถึงความรู้สึกซึ่งกันและกัน และพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เริ่มที่จะฟังเสียงของพนักงานชาวไทยทีละนิดๆ คุณโอฮินาตะมีความตระหนักรู้ต่อลูกค้าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “จริงใจ” อยู่เสมอ สิ่งที่ทำได้ก็คือทำได้ สิ่งที่ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ เขาจะพูดคุยถึงสถานการณ์ซึ่งกันและกันอย่างตรงไปตรงมา  และจะเสนอการแก้ปัญหาที่ดีกว่าแบบสมเหตุสมผลต่อกัน สร้างสมความเชื่อใจจากองค์กรญี่ปุ่นอย่างมั่นคง

“ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” นั้นไม่แพ้ที่ใด

คุณโอฮินาตะได้พบกับจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ในปี 2009 บริษัทแม่ถอนตัวออกจากประเทศไทย เป็นการตัดสินใจหลังจากที่ได้รับผลกระทบเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกเนื่องจากวิกฤต Lehman Brothers คุณโอฮินาตะคิดว่า “ยังอยากทำงานกับพนักงานเหล่านี้อยู่” จึงตั้งตัวเป็นอิสระจากบริษัทแม่ ดึงตัวบรรดาพนักงานมา และนำเงินค่าชดเชยจากงานมาเป็นทุนเพื่อเริ่มอีกบริษัทหนึ่ง เรียกพนักงานที่เลิกจ้างไปแล้วกลับมาอีกครั้ง ในขณะนั้นเรื่องของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นที่ครอบคลุมยอดขาย 50% นั้นถูกตัดขาดไปทั้งหมด แต่พวกเขาก็ยังกลับมาหาคุณโอฮินาตะ “ผมเคยพูดกับทุกคนว่า ถ้าไม่มีงานก็ทำแซนด์วิชเดินขายกันเถอะ” คุณโอฮินาตะกล่าว เขาแวะเวียนบอกลูกค้ารายหลักถึงการถอนตัวของบริษัทแม่และการเริ่มต้นเป็นบริษัทอื่น หลังจากไปทักทายลูกค้าบริษัทใหญ่ของญี่ปุ่นแล้วกลับมาที่ออฟฟิศ ก็มีอีเมล์เข้ามา 1 ฉบับ ผู้ทำหน้าที่รับผิดชอบของบริษัทรายนั้นได้ส่งอีเมล์ไปหาคนญี่ปุ่นของบริษัทนั้นและเหล่าผู้จัดการชาวไทยในเวลาเดียวกัน “ถึงชื่อบริษัทจะเปลี่ยนแต่บริษัทของเราก็จะยังทำงานกับ SUNNY ต่อไป” พวกเขาไม่ได้มองเพียงแค่ป้ายบริษัท แต่ยังมองถึงเนื้องานของพวกเราด้วย คุณโอฮินาตะที่รู้สึกเช่นนั้นมองย้อนกลับไปถึงช่วงเวลานั้นด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก

บริษัทได้เติบโตจนถึงขนาดที่รวมคนญี่ปุ่น 5 คนแล้วรวมเป็นพนักงาน 35 คน บริษัทเน้นเรื่องการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าอย่างเช่น ระบบเกี่ยวกับการส่งของ จัดการการจำหน่ายหรือการจัดการสินค้าคงคลัง แต่ในอนาคตบริษัทอยากจะพัฒนาสินค้าออกไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศไทย เมื่อถามคุณโอฮินาตะว่าจุดแข็งของบริษัทคืออะไร คำตอบก็คือ “บุคลากร” นั่นเอง “พนักงานจำนวนมากมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และพวกเขาก็คิดว่าอยากจะทำให้บริษัทนี้เติบโตต่อไป” ถึงแม้จะเป็นพนักงานที่ไปประจำอยู่ที่อื่น แต่ก็จะมีเสียงถามมาจากนอกบริษัทว่ามีอะไรที่ทำเพื่อบริษัทได้บ้างหรือไม่ ในครึ่งปีก็ได้เห็นภาพสมาชิกที่ได้รางวัลแห่งการต่อสู้ในพิธีมอบรางวัลครั้งหนึ่งที่ทำให้เสียน้ำตา นั่นเป็นน้ำตาจากความพยายามที่ผ่านมาและรู้สึกภูมิใจที่มีพนักงานเช่นนี้อยู่มากมาย สมาชิกชาวไทยที่ทำงานเป็นแกนหลักในฐานะหัวหน้าบริษัทในปัจจุบันนั้น เป็นเหล่าคนที่รบราทางความเห็นกับคุณโอฮินาตะมาแล้ว ความรู้สึกในหน้าที่ของคุณโอฮินาตะนั้นทำให้เขากลายเป็นคนที่สุขุม แต่ก็อบอุ่นโดยที่ไม่รู้ตัว

dummy

SUNNY SYSTEM LTD.

SUNNY SYSTEM LTD.